เรื่องเล่างานวิจัยเมืองกาญจน์ ลดเผาอ้อยต้องเข้าใจรอบด้าน

“อย่างที่เราทราบกันว่าการเผาในภาคเกษตรเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิด PM2.5 ที่นี้อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญอันหนึ่งที่ถูกระบุว่าเป็นพืชที่สร้างมลพิษ ก็คือมีการเผากันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกาญจนบุรี พื้นที่การปลูกอ้อยมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ฉะนั้นเวลาฤดูแล้งมาถึง ทุกปีก็จะมีสภาพที่เราคุ้นเคย ก็คือฝุ่น PM2.5 ก็มา จริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ได้เป็นอ้อยอย่างเดียว แต่ว่าพืชเกษตรอื่นๆ เขาก็เผากัน
.
แล้วพื้นที่กาญจนบุรีก็ไม่ใช่พื้นที่เดียวที่มีการเผา แต่พื้นที่ใกล้เคียง จังหวัดหลายๆ จังหวัด รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านเองก็มีการเผากันมาก ฉะนั้นตรงนี้มันก็เลยเป็นปัญหาในเรื่องของสภาพอากาศ งานวิจัยนี้ก็เลยสนใจที่จะดูเรื่องปัจจัยสาเหตุการเผาของเกษตรกร โฟกัสไปที่ไปไร่อ้อยก่อน เพราะการทำเกษตรโดยเฉพาะในไร่อ้อยมันมีข้อมูลอะไรต่างๆ แล้วมันมีมิติในเรื่องของผู้มีส่วนได้ – ส่วนเสียที่ซับซ้อนมาก แล้วอย่างน้อยมันอยู่ในพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ ฉะนั้นพื้นที่กาญจนบุรีก็น่าสนใจศึกษา”
.
กัญญาพัชร สุทธิเกษม นักปฏิบัติการวิจัย (ผู้ชำนาญการพิเศษ) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในการบรรยายเรื่อง “การใช้กระบวนการมีส่วนร่วมเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยสาเหตุการเผาอ้อยและเศษวัสดุในไร่อ้อย และผลการเปลี่ยนแปลงจากมาตรการเพื่อลดการเผาอ้อย กรณีศึกษาในจังหวัดกาญจนบุรี” ในวงเสวนา “HEALTH CARE & AIR QUALITY สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เมื่อเดือน ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา
.
โดยงานวิจัยนี้ เป็นการศึกษาปัจจัยสาเหตุรวมไปถึงมาตรการต่างๆ ของรัฐในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ว่ามาตรการใดได้ผลหรือไม่ได้ผล และเป็นเพราะเหตุใด รวมถึงกระบวนการแก้ปัญหาอย่างที่ควรจะเป็นนั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งมีข้อค้นพบคือ “การเผาอ้อยไม่ได้มีปัจจัยมาจากเกษตรกรเพียงฝ่ายเดียว” แต่มีปัจจัยเชิงระบบหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ไล่ตั้งแต่ ปริมาณอ้อยในตลาด ราคาอ้อย ประสิทธิภาพการเก็บเกี่ยว ต้นทุนไม่ว่าจะเป็นแรงงานคนตลอดจนเครื่องจักรต่างๆ โอกาสทางเศรษฐกิจในการนำเศษใบอ้อยมาใช้ประโยชน์
.
ข่าวจาก แนวหน้าออนไลน์
ติดตามอ่านได้ที่ https://www.naewna.com/politic/columnist/63513
เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568