ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกับความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย

สภาพสังคมไทยแบบ ‘รวยกระจุก จนกระจาย’ เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญของประเทศ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการถือครองทรัพย์สินโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ที่มีต้นทุนต่ำมากเมื่อเทียบกับในหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการสะสมทุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และสามารถส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นได้ ผู้ที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์มากก็สามารถใช้ทรัพย์นั้น ๆ หาประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นในรูปของการเก็งกำไรที่ดิน การใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อกู้เงินมาลงทุน รายได้ค่าเช่า ฯลฯ ในอดีตที่ผ่านมา ภาพที่ขาดหายไปจากระบบการคลังของไทยคือภาษีที่ดินที่มีโครงสร้างที่เหมาะสม โดยภาษีดังกล่าวต้องจัดเก็บต่อเนื่องทุกปีจากการถือครองอสังหาริมทรัพย์ เก็บจากฐานภาษีที่กว้าง และเก็บจากที่ดินในอัตราที่สูงกว่าสิ่งปลูกสร้างเพราะเป็นการแก้ปัญหาผลตอบแทนส่วนเกินหรือที่เรียกว่าค่าเช่าทางเศรษฐกิจ (Economic Rent) ที่ตรงจุดมากที่สุด ความพยายามปฏิรูประบบภาษีที่ดินฯ โดยการควบรวมภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่มีมาตั้งแต่ปี 2537 ในยุครัฐบาลนายชวน หลีกภัย แนวคิดดังกล่าวได้ผ่านการปรับเปลี่ยนจากรัฐบาลหลายยุคหลายสมัย จนกระทั่งในปี 2563 จึงได้มีการเริ่มเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นครั้งแรกตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ในการเสวนาใต้ชายคาประชากรครั้งนี้ ผู้บรรยายจะขอนำเสนอผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมไปถึงบทบาทของภาษีฯ ในการบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านทรัพย์สินผ่านแว่นของเศรษฐศาสตร์การคลังและนคราศึกษา

ผู้ดำเนินรายการ อ.ดร.ณปภัช สัจนวกุล

Facebook Live: IPSRMahidolUniversity

 

February 10, 2021